1. Google Ads เป็นแพตฟอร์มที่ทำความเข้าใจยากที่สุด เสมือนอนุญาตเฉพาะคนจบสายวิทย์-คณิตเท่านั้น ถึงจะเรียนรู้ได้ง่าย
2. สำหรับใครที่ยิงโฆษณา Google แล้วรู้สึกไม่ยาก แสดงว่าเป็นคนมีตรรกะในสมองที่ดีมาก หรือเรียนเก่งนั่นเอง
3. อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะเป็นแพตฟอร์มที่ยิงยาก แต่หากทดลองทำซ้ำหลาย ๆ รอบ เราก็จะเกิด Learning Curve Experience ทำให้เข้าใจระบบได้อย่างอัตโนมัติ
4. การยิงโฆษณา Google Ads ต้องใช้ควบคู่กับเว็บไซต์ ดังนั้น เราต้องมีเว็บไซต์ก่อนเริ่มยิงโฆษณาเสมอ
5. เว็บไซต์ที่ดี ต้องมีลักษณะเป็น Sale Page หมายถึง เวปสามารถปิดการขายได้ในหน้าแรก และทำให้ลูกค้ามีความสนใจและกล้าสั่งซื้อในทันที
6. การใช้เว็บไซต์เพื่อปิดการขาย เป็นการบ่งบอกว่า ธุรกิจมีความละเอียด สลับซับซ้อน และต้องการเวลาในการตัดสินใจสั่งซื้อ
7. การยิงโฆษณา Search Network หรือกดกูเกิ้ลแล้วเจอเรา ถือเป็นโฆษณาที่เรียบง่าย มีลูกค้าวนเวียนอยู่เยอะ แต่ผู้ลงโฆษณาต้องประมูลสิทธิ์ เพื่อสู้ราคากับคู่แข่งรายอื่น โดยจ่ายเงินเป็นคลิก เช่น หากเราจ่ายกูเกิ้ลคลิกละ 5 บาท หากมีคนคลิกเข้าเวปเรา 100 คนจากโฆษณา เราต้องจ่ายประมาณ 500 บาท(ในความเป็นจริงจะมีส่วนลดให้)
8. โฆษณาประเภท Search Network ถือเป็นโฆษณาที่แพงมาก หมายถึงมีงบประมาณเท่าไหร่ก็ตาม ใช้คำว่า หมดแน่นอน ไม่มีเหลือให้เห็นอย่างแน่นอน ดังนั้น จะโฆษณาคำค้นหาใด ต้องทำการบ้านให้แน่ใจว่า น่าจะได้ยอดขายที่ดี
9. คำค้นหา ภาษาอังกฤษคือ Keyword เราจำเป็นต้องรู้จำนวนคนค้นหาคำต่าง ๆ ในแต่ละเดือน ซึ่งหาข้อมูลได้จาก Keyword Planner เป็นหลัก
10. คำค้นหาที่ยาวขึ้น มักจะมีคนค้นหาน้อยลง เช่น คำค้นหา “เป็ด” จะมีคนค้นหามากกว่า “เป็ดพะโล้” ดังนั้น หากคุณขายเป็ดพะโล้ ก็ไม่ควรยิงโฆษณาคำว่า “เป็ด” เพราะโฆษณาจะแพง และไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายนั่นเอง
11. การประหยัดค่าโฆษณา ต้องคำนึงถึง 3 ปัจจัยคือ 1)อัตราการคลิกคำนั้น(CTR) 2)ความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ 3)ความสัมพันธ์ของตัวจัดการโฆษณา(Campaign/Adgroup/Keyword)
12. ในปัจจุบัน โฆษณา Search Network มีตำแหน่งโฆษณาบนกูเกิ้ลมากขึ้น โดยจะแสดงโฆษณาด้านบน 4 ตำแหน่ง และด้านล่างอีก 3 ตำแหน่ง (ดังนั้น คนทำการตลาด Seo อาจจะลำบากในสถานการณ์นี้)
13. นอกจากโฆษณา Search Network แล้ว ยังมีโฆษณาประเภท GDN(Google Display Network) ซึ่งถือเป็นโฆษณาแบบ แบนเนอร์ ซึ่งได้ผลมากกับตลาดต่างจังหวัด
14. โดยโฆษณาประเภท GDN จะแสดงผลไปยังเว็บไซต์พาร์ตเนอร์ของกูเกิ้ล ซึ่งถือเป็นโฆษณาราคาไม่แพง ที่จะดึงดูดคนเข้าเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง
15. แน่นอนว่า สำหรับการปิดการขาย โฆษณา Google อาจจะไม่ดีเท่า Facebook Ads แต่หากคุณต้องการกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อปิดการขายหลังจากนี้ โฆษณากูเกิ้ล คือตัวเปิดหาลูกค้าใหม่ชั้นยอดทีเดียว
16. การวัดผล ถือเป็นหัวใจของโฆษณากูเกิ้ล หากเรายิงโฆษณาเก่ง แต่วัดผลไม่เก่ง ก็เปรียบเสมือนกำลังเล่นเกมส์ปิดตาตีแตงโม ซึ่งโอกาสจะทำแจ็คพอต เป็นไปได้ยากทีเดียว
17. โฆษณา Youtube Ads ถือเป็นโฆษณาประเภทวีดีโอ ที่ได้ผลดีที่สุด(เฉพาะวีดีโอ)
18. ก่อนหน้านี้ โฆษณา Youtube Ads จัดว่ายอดเยี่ยมและได้ผลลัพธ์ดีมาก แต่ปัจจุบัน เนื่องจากคู่แข่งรายใหญ่เริ่มลงมาโฆษณาด้านนี้ จึงทำให้โฆษณาเริ่มได้ผลน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
19. Google มีโฆษณาใหม่ ๆ ออกมาค่อนข้างมาก แต่โดยภาพรวมถือว่ายังไม่น่าสนใจ และตัวที่ได้รับผลลัพธ์ที่ดี มักจะเป็นตัวเก่า
20. ข้อดีของ Google Ads คือ เราเซ็ตอัพโฆษณาครั้งแรกนานมาก แต่ถ้าเสร็จแล้ว จะไม่ต้องไปยุ่งอะไรกับมันมากนัก เรียกได้ว่า ทำเสร็จครั้งเดียว อยู่ได้เกือบทั้งชีวิตเลยทีเดียว(แต่ต้อง Maintainance เรื่อย ๆ แต่ไม่ยากนะ)
21. สรุปได้ว่า โฆษณากูเกิ้ลจะได้ผลดีมาก ต้องทำโฆษณาคู่กับแพตฟอร์มอื่น และจำเป็นต้องมีเว็บไซต์เท่านั้น จึงจะสามารถทำได้